นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท ไชยธนินทร์ จำกัดและบริษัทในเครือ ได้มีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้สมัคร บุคลากรและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด โดยบริษัทฯ เคารพและตระหนักถึงความสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทฯ จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหลักเกณฑ์ ระเบียบ การบริหารจัดการ และมีมาตรการที่เหมาะสม โดยให้ถือว่าเป็นนโยบายของบริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด ที่มีผลบังคับใช้กับพนักงานทุกคน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับจะถูกนำไปใช้ตามระเบียบการปฏิบัติและถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีรายละเอียด ดังนี้
ข้อ 1 คำนิยาม
“บริษัทฯ” | หมายความว่า บริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด และบริษัทในเครือได้แก่บริษัท มาริน่า โกลเด้น เบย์ วิคทอเรีย จำกัด บริษัท มาริน่า โกลเด้น เบย์ เอลย่า จำกัด บริษัท มาริน่า โกลเด้น เบย์ เจนีวา จำกัด บริษัท เดอะ ซันไลท์ เรสซิเด้นซ์ 9 จำกัด บริษัท โกลบอล ท็อป กรุ๊ป จำกัด และบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในการกำกับดูแลของบริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด |
“ข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ |
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” | หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงานข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด |
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล |
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล |
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นบ่งชี้ไปถึง |
“การประมวลผลข้อมูล” | หมายความว่า การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล |
“คณะกรรมการ” | หมายความว่า กรรมการของบริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด |
“ผู้บริหาร” | หมายความว่า ผู้บริหารของบริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด |
“พนักงาน” | หมายความว่า พนักงานในระดับรองลงมาจากระดับผู้บริหารของบริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด |
“ประกาศความเป็นส่วนตัว” | หมายความว่า การประกาศบนเว็บไซต์เพื่อแจ้งผู้เข้ามาใช้เว็บไซต์ถึง จุดประสงค์ วิธีการรวบรวม ประมวล และจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ |
“คุกกี้” | หมายความว่า ไฟล์เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสร้างโดยเว็บไซต์และจัดเก็บบนคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ สื่อสารของผู้ใช้งานซึ่งจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล การใช้งาน และการตั้งค่าต่าง ๆ ของผู้ใช้งานเพื่อปรับปรุง ประสบการณ์ใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งาน |
ข้อ 2 วัตถุประสงค์และการเก็บรวบรวมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
2.1 บริษัทฯ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะดำเนินการเก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม เพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัท หรือบุคคลต้องปฏิบัติตาม
2.2 บริษัทฯ ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะดำเนินการเก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น กรณีที่บริษัทฯ มีการดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัท จะดำเนินการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบและได้รับความยินยอมหากจำเป็น
2.3 ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมดังกล่าว
2.4 บริษัทฯ จะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกัน เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งเท่านั้น หรือเข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไม่จำเป็นต้องขอความยินยอม โดยบริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวด้วยความระมัดระวังภายใต้มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ข้อ 3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคล หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล องค์กร นิติบุคคลภายนอก ซึ่งมีสัญญาอยู่กับบริษัทฯ หรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้บริษัทฯ เปิดเผยได้
3.2 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในเครือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัทฯ และเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลภายใต้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
ข้อ 4 การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบุคคลภายนอก
บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกประมวลผล โดยบริษัทฯ จะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น การแยกส่วนข้อมูลก่อนส่งข้อมูลส่วนบุคคล การจัดส่งข้อมูลเท่าที่จำเป็น รวมถึงการมีข้อตกลงรักษาความลับหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processing Agreement) กับผู้รับข้อมูลดังกล่าว
ข้อ 5 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทฯ ในโครงข่ายของบริษัทฯ ที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ (server) หรือ คลาวด์ (cloud) ในประเทศต่าง ๆ บริษัทฯ จะคำนึงและพิจารณาว่าประเทศปลายทางได้ถูกรับรองว่ามีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ
กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ บริษัทฯ จะดูแลการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานไม่เพียงพอ การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศยังสามารถกระทำได้หากเข้าข้อยกเว้นกรณีเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย, ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล, เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญา, ป้องกันระงับอันตรายต่อชีวิต หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ
ข้อ 6 ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ หรือ ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของบุคคลได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
ข้อ 7 การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
7.1 บริษัทฯ จะดำเนินการจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม ทั้งมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Measure) เช่น การกำหนดรหัสผ่าน การเข้ารหัส (Secure Sockets Layer/SSL) ระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์เครือข่าย เป็นต้น และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Organizational Measure) การกำหนดนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ การรักษาความลับ กำหนดสิทธิเข้าถึง การประเมินและจัดการความเสี่ยง การกำหนดหลักเกณฑ์ ข้อบังคับ โดยมีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและทบทวนปรับปรุงมาตรการทั้งสองอย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย ป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข นำข้อมูลไปใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ
7.2 พนักงาน บุคลากรทุกคนของบริษัทฯ มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสำคัญ ไม่นำข้อมูลที่ได้รับมาจากการปฏิบัติงานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ
7.3 การดำเนินการเพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ โดยมีการดำเนินการดังนี้
7.3.1 การประเมินก่อนส่งมอบข้อมูล
(ก.) ดำเนินการตรวจสอบสิทธิ์อำนาจหน้าที่และฐานกฎหมายที่บุคคล และ/หรือนิติบุคคลรายอื่นนั้น ใช้เพื่อร้องขอข้อมูลส่วนบุคคล
(ข.) สอบถามวัตถุประสงค์ในการนำข้อมูลไปใช้งานเพื่อให้สามารถประเมินว่าควรสำเนาข้อมูลให้ในระดับรายละเอียดเท่าใด (เพื่อให้ทราบระดับความละเอียดของข้อมูลที่ต้องการใช้เท่าที่ต้องการใช้)
7.3.2 การส่งมอบข้อมูล
(ก.) จัดเตรียมข้อมูลใหม่จากข้อมูลดิบ ให้มีระดับรายละเอียดเท่าที่จำเป็นต่อวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
(ข.) ขอส่งมอบข้อมูลพร้อมทำการบันทึกชื่อผู้ขอข้อมูล ข้อมูลสำหรับติดต่อ วัน-เดือน-ปี ที่ให้ข้อมูลฐานกฎหมายที่ใช้สำหรับเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนวัตถุประสงค์การนำไปใช้งาน
(ค.) แจ้งให้บุคคลหรือนิติบุคคลนั้น ทราบว่าเมื่อรับข้อมูลไปแล้ว ผู้รับข้อมูลจะต้องดำเนินการตามหน้าที่ ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลชุดที่ร้องขอไปนั้นเช่นเดียวกัน ตามขอบเขตและวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งไว้
7.3.3 เมื่อส่งมอบข้อมูลไปแล้ว
(ก.) ติดตามการใช้งานเป็นครั้งคราว เพื่อบันทึกสถานะล่าสุดในการใช้งานข้อมูลนั้น หากไม่มีความจำเป็นใช้ งานตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้เดิม ควรแจ้งให้บุคคล หรือ นิติบุคคลนั้น ลบ ทำลายข้อมูล
(ข.) กำหนดวิธีการ ในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยต่อการใช้งานของผู้ใช้อยู่เสมอ เช่น มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สำหรับเชื่อมต่อปรับปรุงให้ข้อมูลต้นทางและปลายทางมีความทันสมัยเท่ากันโดยอัตโนมัติ ตลอดเวลา
ข้อ 8 การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่เกิดเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่เมื่อบริษัทฯ ทราบถึงเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว หรือกรณีที่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งเหตุละเมิดพร้อมแนวทางเยียวยาเหตุละเมิดดังกล่าวให้เจ้าของข้อมูลทราบโดยไม่ชักช้า
ข้อ 9 สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของเจ้าของข้อมูลเป็นสิทธิตามกฎหมาย โดยเจ้าของข้อมูลสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย โดยบริษัทฯ จะดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้หากมีกรณีที่บริษัทฯ ต้องปฏิเสธคำร้องขอ บริษัทฯ จะแจ้งเหตุแห่งการปฏิเสธให้เจ้าของข้อมูลรับทราบ
9.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม หากเจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่เจ้าของข้อมูลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัทฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยบริษัทฯ จะแจ้งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาการถอนความยินยอมดังกล่าวให้ท่านทราบ
9.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้บริษัทฯ มีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือการเข้าถึงหรือขอรับสำเนานั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น
9.3 สิทธิขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทฯ ได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อสามารถดำเนินการตามสัญญาได้ตามความประสงค์ หรือ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
9.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถิติ ทั้งนี้บริษัทฯ สามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัทฯ หรือกรณีที่บริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้ง การใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย
9.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากเจ้าของข้อมูลเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
9.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทฯอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทฯไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
9.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล เจ้าของข้อมูลขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ข้อ 10 บทกำหนดโทษ
ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งตามหน้าที่ของตน หากละเลย หรือละเว้นไม่สั่งการ หรือไม่ดำเนินการ หรือสั่งการ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในหน้าที่ของตน อันเป็นการฝ่าฝืนนโยบาย และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล จนเป็นเหตุให้เกิดความผิดตามกฎหมาย และ/หรือความเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง ผู้นั้นต้องรับโทษทางวินัยตามระเบียบของบริษัทฯ โดยทางบริษัทฯ จะไม่ประนีประนอมให้กับความผิดใดๆ ที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้กระทำขึ้น และจะต้องถูกลงโทษทางวินัย ในสถานหนัก หรืออาจถูกบริษัทฯ เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย นอกจากนี้จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงให้แก่บริษัทฯ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากบริษัทฯ และผู้นั้นต้องรับโทษทางกฎหมายตามความผิดที่เกิดขึ้น ทั้งนี้หากความผิดดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ และ/หรือบุคคลอื่นใด บริษัทฯ อาจพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
ข้อ 11 การทบทวนนโยบาย
บริษัท ไชยธนินทร์ จำกัด จะทำการทบทวนนโยบายนี้อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือกรณีที่กฎหมายมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทั้งนี้ นโยบายฯ ดังกล่าว ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2565